คำถามเกี่ยวกับโรค
โดย วันทนีย์ โลหะประกิตกุล
เรื่อง : ฝีดาษ หรือ ไข้ทรพิษ
โรคฝีดาษ หรือ ไข้ทรพิษ (Smallpox) เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่มวาริโอลา (Variola) ที่มีความรุนแรงมาก การแพร่กระจายของเชื้อเกิดขึ้นได้จากการสูดรับเชื้อเข้าไป เชื้อจะเข้าไปฟักตัวรวมอยู่กับเซลล์ ช่วงลำคอ ระบบทางเดินหายใจ และ/หรือต่อมน้ำเหลือง และจะค่อยๆ แพร่กระจายสู่กระแสเลือด โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 12 วัน ปัจจุบันเรียกได้ว่าฝีดาษเป็นโรคติดเชื้อชนิดเดียวที่สามารถถูกกำจัดให้หมดไปได้จากมนุษย์ แม้ว่ายังมีการเก็บตัวอย่างของเชื้อฝีดาษไว้เพื่อใช้ในการศึกษาวิจัยก็ตาม
อาการเริ่มแรกเมื่อได้รับเชื้อในกลุ่มวาริโอลา จะมีอาการเหมือนการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ อาจมีอาการคลื่นไส้และอาเจียนร่วมด้วย หลังจากนั้นจะเกิดจุดเล็กๆ สีแดงๆ ขึ้นที่เยื่อเมือกของ ช่องปาก ลิ้น เพดานปาก ที่เรียกว่า “Enanthem” ก่อนที่อุณหภูมิของร่างกายจะกลับคืนเป็นปกติ
อาการที่เกิดขึ้นจากเชื้อไวรัสดังกล่าว เกิดจากการอักเสบของหลอดเลือดเล็กๆ ที่ไปหล่อเลี้ยงในช่องปาก เชื้อนี้ยังก่อให้เกิดภาวะเลือดออกตั้งแต่บริเวณ ผิวหนัง เยื่อเมือก ตลอดจนระบบทางเดินอาหาร การที่เลือดออกตามผิวหนังนั้นจะเกิดขึ้นบริเวณใต้ผิวหนัง ทำให้เห็นเป็นจุดดำๆ นอกจากนี้ยังทำให้เกิดเลือดออกที่ ม้าม ตับ กล้ามเนื้อ อัณฑะ รังไข่ กระเพาะปัสสาวะ ได้ด้วย โดยผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้จะพบว่ามีระดับของเม็ดเลือดต่ำในช่วงหลังของการเกิดโรค และโรคฝีดาษยังทำให้เกิดผื่นกระจายขึ้นตามผิวหนัง ลักษณะเหมือนเป็นตุ่มน้ำพอง อาจเกิดรอยแผลเป็นบริเวณผิวหนังตามจุดผื่นต่างๆ
ภาวะแทรกซ้อน/ผลข้างเคียงจากโรคฝีดาษ/ไข้ทรพิษที่มักทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิต คือ
- โรคปอดบวม ซึ่งอาจเกิดจากเชื้อไวรัสเอง หรือเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้ำซ้อน
- การเกิดภาวะ/โรคสมองอักเสบ
- ภาวะขาดน้ำจากร่างกายออกทางผิวหนังจนเกิดภาวะช็อก
ทั้งนี้ ผู้ป่วยที่รอดชีวิต:
- จะมีแผลเป็นแบบเป็นหลุมที่เกิดจากผื่น เรียกว่า Pock mark โดยเห็นชัดเจนบริเวณใบหน้า
- บางครั้งผื่นตุ่มหนองของโรคนี้อาจเกิดที่ เยื่อบุตา และ กระจกตา (ตาดำ) เมื่อผื่นหายจะทำให้เกิดแผลเป็น และทำให้ตาบอดได้ โดยพบว่า 1 ใน 3 ของผู้ป่วยที่ตาบอดเกิดมาจากโรคฝีดาษ
- นอกจากนี้เชื้อไวรัสอาจเข้าไปทำลายกระดูก และข้อ โดยเฉพาะข้อศอก และข้อเข่า ทำให้เกิดข้อผิดรูป พิการได้
ในสมัยก่อน การป้องกันโรคฝีดาษ/ไข้ทรพิษ ทำได้โดยการฉีดวัคซีน หรือที่เรียกกันว่าการปลูกฝี ซึ่งก่อนการฉีดวัคซีนผู้ได้รับวัคซีนควรแน่ใจว่าไม่ได้ป่วยและไม่ได้มีอาการป่วยอยู่ ไม่มีโรคผื่นผิวหนังอักเสบ Eczema ไม่ได้ตั้งครรภ์ ไม่ได้มีโรคที่ภูมิคุ้มกันต่ำ หรือใช้ยาหรือการรักษาใดๆ ที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันต่ำกว่าปกติ
แม้การฉีดวัคซีนอาจไม่ได้ช่วยป้องกันโรคได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าเกิดการติดเชื้อขึ้นมา โรคจะไม่รุนแรง อัตราการเสียชีวิตจะน้อยกว่าผู้ที่ไม่เคยรับวัคซีนมาก่อน ทั้งนี้โอกาสที่จะเป็นโรคมากน้อยแค่ไหนนั้น ขึ้นกับว่าได้รับวัคซีนครั้งสุดท้ายมานานเท่าไร เนื่องจากภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีนจะค่อยๆ ลดลงตามกาลเวลา ในสมัยก่อนก็จะแนะนำให้ฉีดวัคซีนกระตุ้นทุกๆ 10 ปี
ปัจจุบันไม่ได้มีการให้บริการฉีดวัคซีนนี้แก่บุคคลโดยทั่วไป เพราะโรคฝีดาษได้หมดไปจากโลกนี้แล้ว อย่างไรก็ดียังมีการเก็บตัวอย่างของเชื้อฝีดาษไว้เพื่อใช้ในการศึกษาวิจัยอยู่ใน 2 ประเทศคือ สหรัฐอเมริกาและประเทศรัสเซีย